วิธีการทำกาแฟที่หอมกรุ่นที่บ้านหรือที่ทำงาน☕❤

บทความโดย Peter Hsieh เดลต้า ประเทศไทย

หากคุณเป็นคอกาแฟเหมือนกับผม สิ่งแรกที่ต้องทำทุกเช้าหลังจากตื่นนอนก็คือการชงกาแฟที่สมบูรณ์แบบ จิบแรกนั้นวิเศษมาก มีทั้งความสุขและเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมากมายเกินกว่าจะบรรยาย แน่นอนว่ามันช่วยให้คุณหลุดออกจากความง่วงและเข้าสู่โหมด "เริ่มต้นวันใหม่" ได้อย่างแน่นอน

หากพูดถึงการดื่มกาแฟ เรามักจะคิดว่าเป็นเพียงการชงกาแฟเท่านั้น แต่อย่าลืมว่าจริง ๆ แล้ว มันเป็นงานศิลปะชิ้นที่มากกว่าการชงกาแฟเพียงแก้วเดียว

วันนี้ผมจะมาแบ่งปันขั้นตอนการทำกาแฟสี่ขั้นตอนที่ฟังเหมือนง่าย แต่จริง ๆ ซับซ้อนมาก

ขั้นตอนที่ 1: มองหาเมล็ดกาแฟที่คุณชอบ
คุณใช้เมล็ดกาแฟจากที่ไหน? จากส่วนใดของโลก? มันคือเมล็ดกาแฟชนิดใด?

เมล็ดกาแฟมีสองประเภทหลักคือ 1. อาราบิก้า และ 2. โรบัสต้า ซึ่งกาแฟจากที่ต่าง ๆ ทั่วโลกจะมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไป

ขั้นตอนที่ 2: มารู้จักการบ่มกาแฟ

เมล็ดกาแฟมีวิธีการบ่มแบบใดบ้าง? การบ่มกาแฟมีอยู่ 3 ประเภทหลัก ได้แก่ กระบวนการทำแบบแห้ง กระบวนการทำแบบเปียก กระบวนการทำแบบหมัก และแบบใหม่ ๆ อีกมากมาย (ด้วยรูปแบบการบ่มที่แตกต่างกัน) ที่หลายคนกำลังทดลองใช้อยู่ในขณะนี้

ขั้นตอนที่ 3: การคั่วกาแฟ
การคั่วกาแฟมีกี่ระดับ? การคั่วการแฟแบ่งออกได้ 3 ระดับ หลัก ๆ คือ 1. คั่วอ่อน 2. คั่วกลาง 3. คั่วเข้ม

ขั้นตอนที่ 4: ชงกาแฟ

คุณใช้วิธีการชงแบบใดในการชงกาแฟถ้วยนั้น? เบอร์บดกาแฟคือเท่าใด? คุณใช้อุณหภูมิของน้ำเท่าใดในการชงกาแฟ? คุณต้มมันนานแค่ไหน?

มีความรู้มากมายบรรจุอยู่ในกาแฟถ้วยเดียวที่หลายคนไม่เคยเข้าใจหรือเหนื่อยที่จะทำเข้าใจ

บางคนแค่อยากใช้คาเฟอีนปลุกให้ตื่น บางคนต้องการความหวานที่มากขึ้น (น้ำตาลที่มากเกินไป) หรือบางคนแค่ต้องการเพลิดเพลินกับกาแฟที่กลมกล่อมเท่านั้น

ค้นหากาแฟสักถ้วยที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณ
ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลเพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะชอบกาแฟถ้วยเดียวกัน!

โดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบใช้เมล็ดกาแฟคั่วอ่อน ๆ เพราะผมชอบรสเปรี้ยวและรสผลไม้ที่ออกมาจากเมล็ดกาแฟตามธรรมชาติ

เพราะฉนั้นแหล่งที่มาของเมล็ดกาแฟจึงมีความสำคัญมาก! ผมโชคดีที่ได้แหล่งเมล็ดกาแฟสดจากเชียงรายที่เพื่อนเป็นคนแนะนำให้

จากเมล็ดกาแฟสดสู่กระบวนการคั่ว

เมื่อผมได้เมล็ดกาแฟสดมาแล้ว ผมจะใช้สิ่งที่ต้องการสำหรับการคั่วหนึ่งชุด (ปกติผมคั่วประมาณ 150-200 กรัมต่อครั้ง) จากนั้นผมก็คั่วเมล็ดกาแฟด้วยหม้อเหล็กที่อุณหภูมิประมาณ 202 องศาเซลเซียสก่อนที่จะค่อย ๆ ลดลง ผมเก็บเมล็ดกาแฟที่คั่วแล้วไว้ในกล่องเป็นเวลา 2-3 วัน (เพื่อให้พวกมันปล่อย CO2) ก่อนที่พวกมันจะพร้อมใช้งาน

ในการทำกาแฟแต่ละถ้วย ผมมักจะใช้เครื่องบดแบบมือถือ (ผมหลีกเลี่ยงเครื่องบดราคาถูกเพื่อความละเอียดที่สม่ำเสมอ) เพื่อบดเมล็ดกาแฟที่คั่วแล้ว นอกจากนี้ ผมยังสามารถปรับขนาดการบดตามความชอบและบดก่อนชงกาแฟเพื่อรักษารสชาติที่เข้มข้นได้อีกด้วย

การชงกาแฟที่สมบูรณ์แบบ
อันที่จริง ผมมีอุปกรณ์ชงกาแฟค่อนข้างน้อย ฉันได้ลองใช้ Moka Pot วิธี Pour Over การดริปและแอโรเพรส ซึ่งคุณสามารถใช้อุปกรณ์อะไรก็ได้ที่คุณต้องการ

ในวันธรรมดา ผมไม่มีเวลามากพอที่จะมานั่งปรับอุณหภูมิของน้ำและเวลาการต้ม ดังนั้น ผมจึงใช้การดริปเพราะสะดวกที่สุด

ทั้งหมดที่ผมต้องทำคือบดเมล็ดกาแฟ ใส่กระดาษกรอง ล้างกระดาษกรองด้วยน้ำร้อน (เพื่อล้างรสกระดาษ) ใส่เมล็คกาแฟที่บดแล้ว เติมน้ำร้อน รอการดริป และ ว้าว!! กาแฟของคุณพร้อมเสิร์ฟแล้ว

เกี่ยวกับผู้เขียน (แขกรับเชิญ)

Peter Hsieh

หลังจากได้ทำงานในหลาย ๆ แผนกของเดลต้า ผมก็ได้เข้าร่วมทีม DET DSM ในปี 2018 ตอนที่การผลิตส่วนใหญ่ของเราในจีนย้ายมาที่นี่ การเติบโตในประเทศไทย ผมได้รู้จักวัฒนธรรมและผู้คนมากมาย ดังนั้น ผมจึงสามารถแนะนำเพื่อนร่วมงานตลอดการเปลี่ยนผ่านนี้ได้ ประเทศไทยเป็นสถานที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจด้วยการผสมผสานของประเพณีและผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก ผทชอบที่นี่และยินดีที่จะแบ่งปันประสบการณ์ของผม สามารถอีเมล์มาหาผมได้หากคุณต้องการข้อมูลใดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DSM หรือประเทศไทย

แชร์