เสียงกระซิบอันศักดิ์สิทธิ์และดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิ เรื่องราวของวัดสองแห่งในประเทศเกาหลีใต้

ฤดูใบไม้ผลิในเกาหลีใต้เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองทางประสาทสัมผัส กลีบดอกซากุระปลิวไสวไปตามสายลม วัดโบราณสะท้อนถึงภูมิปัญญาที่สั่งสมมาหลายศตวรรษ และนักเดินทางอย่างฉันที่แสวงหาความสงบสุขท่ามกลางความปรารถนาอันพลิ้วไหวและพลังอันเงียบสงบของความสงบนิ่งบนไหล่เขา การเดินทางครั้งล่าสุดของฉันพาฉันจากใจกลางเมืองประวัติศาสตร์คยองจูไปสู่ความเงียบสงบบนเนินเขาที่ปกคลุมด้วยป่าไม้ของปูซาน โดยเยี่ยมชมวัดสองแห่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คือ วัดพุลกุกซาและวัดซอกบุลซา แต่ก็สร้างความรู้สึกซาบซึ้งใจได้ไม่แพ้กัน

วัดพุลกุกซา คยองจู
ดอกซากุระ พรจากพระพุทธเจ้า และคำอธิษฐานในถูกลอตเตอรี่

วัดพุลกุกซาในเมืองคยองจู ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก และเป็นอัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์ซิลลา ถือเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของเกาหลีใต้ วัดแห่งนี้สร้างขึ้นครั้งแรกในปีค.ศ. 528 ในสมัยชิลลา และต่อมาได้รับการบูรณะใหม่โดยหัวหน้าคณะรัฐมนตรี คิม แดซอง ในปีค.ศ. 751 วัดแห่งนี้ได้รับการออกแบบให้เป็นเสมือนสวรรค์บนดิน การเดินผ่านประตูวัดท่ามกลางต้นซากุระที่ยังคงหลงเหลืออยู่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังก้าวเข้าไปในภาพวาดสีน้ำที่ปัจจุบันเลือนหายไปในอดีต

บริเวณวัดที่มีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยธูปหอม คำอธิษฐานอันนุ่มนวล และแผ่นไม้สำหรับขอพรที่พลิ้วไหวราวกับใบไม้ในสายลม ในฐานะนักท่องเที่ยวชาวไทย การขอพรที่วัดแทบจะถูกฝังไปใน DNA ของฉันแล้ว และพูดตามตรงว่า 90% ของเราไปที่นั่นเพื่อขอพรให้ถูกรางวัลลอตเตอรี่ ฉันยินดีบริจาคเงิน 50,000 วอน (ประมาณ 1,000 บาท) โดยนำพลังแห่งจักรวาลทั้งหมดมาใช้เพื่อเรียกเงินรางวัล 30 ล้านบาทภายในเวลาหกเดือน เราคงต้องรอดูกันต่อไป ขอให้เป็นจริงด้วยเถอะ

วัดพุลกุกซาเป็นวัดที่แตกต่างจากวัดไทยอย่างเห็นได้ชัด วัดแห่งนี้มีความสง่างามและเงียบสงบ มีทั้งโทนสีเอิร์ธโทนที่ดูเรียบง่าย โครงสร้างไม้ที่สมมาตร และบรรยากาศของความสงบเงียบ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือห้ามถ่ายรูปพระพุทธรูปองค์สำคัญภายในวัดโดยเด็ดขาด ซึ่งจะทำให้ผู้คนรู้สึกเคารพพระพุทธรูปมากยิ่งขึ้น วัดแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่ขอให้คุณอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่เพื่อการแสดงออก

วัดซอกบุลซา ปูซาน
บันไดภูเขา เทพเจ้าแกะสลัก และโค้กใต้ดอกซากุระ

เมื่อนึกถึงปูซาน ทุกคนจะนึกถึงชายหาด ป้ายนีออน และอาหารทะเล แต่สำหรับสงกรานต์ปีนี้ (ปีใหม่ไทย) ฉันอยากได้อะไรที่สบาย ๆ กว่านี้ ฉันจึงหลีกเลี่ยงฝูงชนและออกเดินป่าเพื่อจิตวิญญาณไปยังวัดซอกบุลซาซึ่งซ่อนตัวอยู่บนหน้าผาเหนือเมือง

วัดซอกบุลซา (แปลว่า “วัดพระพุทธรูปหิน”) ตั้งอยู่บนภูเขาคึมจอง เป็นอัญมณีที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก มีชื่อเสียงจากการแกะสลักหินสูงตระหง่านของเทพเจ้าพุทธที่แกะสลักลงบนไหล่เขาโดยตรง วัดแห่งนี้มีประวัติย้อนไปตั้งแต่ทศวรรษ 1930 และอุทิศให้กับพระโพธิสัตว์และเทพเจ้าผู้พิทักษ์ รวมถึงกวนซีอุมโพซัล (อวโลกิเตศวร) เทพธิดาแห่งความเมตตา รูปสลักขนาดใหญ่เหล่านี้เฝ้าดูภูเขาและเมืองเบื้องล่าง ซึ่งแม้สภาพเจะดูก่าแต่ยังคงสวยงาม

ตอนนี้ ฉันสามารถเลือกที่จะขึ้นกระเช้าลอยฟ้าได้ แต่มันจะสนุกอะไรล่ะ ฉันเลือกที่จะเดินป่าระยะไกล ซึ่งเป็นเส้นทางที่คดเคี้ยวผ่านเส้นทางป่าและไร่ต้นหอม (เป็นเครื่องเตือนใจว่าทำไมกิมจิเกาหลีถึงมีรสชาติดีเสมอ) การเดินขึ้นภูเขาไม่ใช่เรื่องตลก และมีช่วงหนึ่งที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่ไม่มีนักท่องเที่ยวอยู่แถวนั้นเห็นฉันเหนื่อยหอบ ช่วงเวลาแห่งความสุขที่แท้จริงมาถึงก่อนถึงยอดเขา โค้กเย็น ๆ ถูกเปิดออกใต้ต้นซากุระที่ยังคงบานสะพรั่ง ช่างเป็นความมหัศจรรย์เสียจริง

ที่วัดซอกบุลซาไม่มีการ์ดสำหรับของพรและไม่มีของที่ระลึกให้ชม ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการไตร่ตรองตนเองมากกว่าทำพิธีกรรม และวิวทิวทัศน์ก็คุ้มค่ากับการเสียเหงื่ออย่างแน่นอน ปูซานมีลักษณะเหมือนแผ่นกระดาษที่มีชีวิตอยู่ใต้เท้าคุณ

สรุป
สองวัด สองเมือง สองพลังงานที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

วัดพุลกุกซาเป็นสมบัติของชาติที่ขัดเกลาแล้วซึ่งเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ยาวนานหลายศตวรรษ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยทางจิตวิญญาณที่แฝงไว้ด้วยเกียรติประวัติและเสน่ห์แห่งพิธีกรรมของยูเนสโก ในทางกลับกัน วัดซอกบุลซาคือความมหัศจรรย์บนยอดเขาที่ซ่อนเร้นสำหรับนักเดินทางที่แสวงหาความสงบและอยากออกกำลังขาเล็กน้อย

หากคุณกำลังมองหาทั้งดอกไม้และพรอันประเสริฐในเกาหลีใต้ ขอให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ช่วยเตือนคุณว่าทุกก้าว ไม่ว่าจะเป็นบันไดหินหรือการเดินทางทางจิตวิญญาณ ล้วนเป็นก้าวที่จะไปสู่สิ่งที่งดงาม

และถ้าฉันถูกลอตเตอรี่ ฉันจะบอกทุกคนอย่างแน่นอน

เกี่ยวกับผู้เขียน (ทีมบรรณาธิการ)

DET Corp Comms

แชร์