นิตยสารออนไลน์รายสองเดือนสำหรับครอบครัวเดลต้าที่เพียรพยายามในการทำงาน
ประจำภูมิภาคอินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และออสเตรเลีย
นิตยสารออนไลน์รายสองเดือน
สำหรับครอบครัวเดลต้าที่เพียรพยายามในการทำงาน
ประจำภูมิภาคอินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และออสเตรเลีย

ให้การสนับสนุนทีมด้วยการเพิ่มมูลค่าให้กับพวกเขาอยู่เสมอ: บทเรียนความเป็นผู้นำของผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

โดย David Nakayama - เผยแพร่เมื่อ พฤษภาคม 24, 2566

บทสัมภาษณ์ นายยงยุทธ ภักตร์ดวงจันทร์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์
บทความโดย เดวิด นากายามะ, DET Corp Comms
ภาพโดย กรีธากร สังขกูล, DET Government and Public Affairs

สมุทรปราการ ประเทศไทย 26 พฤษภาคม 2566- ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเป็นผู้นำและการทำงานอย่างหนักของพนักงานชาวไทยหลายพันคนคือส่วนหนึ่งของเรื่องราวการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเดลต้า ประเทศไทย เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมได้พูดคุยกับหนึ่งในผู้นำชาวไทยมากประสบการณ์ของเรา คุณยงยุทธ ภักตร์ดวงจันทร์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ของเดลต้า เกี่ยวกับเส้นทางอาชีพอันยาวนานของเขาในการสนับสนุนผู้คนในท้องถิ่นของเราและการสนับสนุนเดลต้า

วันนี้เรารู้มาว่าเขาได้ทำงานที่เดลต้า ประเทศไทย ครบ 25 ปี เริ่มจากฝ่ายทรัพยากรบุคคลมาจนถึงฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ เรื่องราวของเขาคือหนึ่งในการเติบโตทีละขั้นสู่บทบาทในฐานะผู้นำที่ขับเคลื่อนความสำเร็จร่วมกับทีมงานในท้องถิ่นจากรุ่นสู่รุ่น

คุณทำงานกับเดลต้า ประเทศไทย มาอย่างยาวนาน คุณช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยได้ไหมว่าคุณเข้ามาทำงานกับเดลต้า ประเทศไทย ได้อย่างไรและการทำงานในช่วงแรกของคุณเป็นอย่างไร?

ผมเป็นคนสมุทรปราการโดยกำเนิดและเรียนอยู่ที่นี่จนถึงชั้นมัธยม ตั้งแต่เรียนชั้นประถม ผมมักจะมีบทบาทในการเป็นผู้นำเสมอ เช่น การเป็นหัวหน้าชั้นเรียนและประธานนักเรียน ตอนมัธยมปลาย ผมเข้าทีมวอลเล่ย์บอลเยาวชนประจำจังหวัด เพื่อที่จะได้โควต้ากีฬาเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย

ผมเรียนการจัดการธุรกิจที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และหลังจากเรียนจบ ผมได้เริ่มเข้าทำงานที่บริษัทบัญชีแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เป็นเวลาหนึ่งปี อย่างไรก็ตาม การจราจรที่ติดขัดในแต่ละวันทำให้ผมสาบานว่าจะไม่ทำงานในกรุงเทพฯ อีก จากนั้นผมก็ตัดสินใจเข้าทำงานที่เดลต้า ประเทศไทย เนื่องจากอยู่ใกล้บ้าน ในปี 2542 ผมเริ่มต้นทำงานที่เดลต้าในตำแหน่งเจ้าหน้าที่กิจการต่างประเทศในแผนกบริหารทรัพยากรบุคคล (HRA)

เช่นเดียวกับผู้นำมากประสบการณ์ของเดลต้าหลาย ๆ คน คุณได้รับโอกาสในการเติบโตและความรับผิดชอบมากมายจากผู้นำของเรา คุณช่วยเล่าให้เราฟังเกี่ยวกับเส้นทางกว่าที่จะมาถึงบทบาทปัจจุบันในฐานะผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกิจกรรมองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์ของเดลต้าได้หรือไม่?

เมื่อผมเข้าทำงานกับเดลต้า คุณอนุสรณ์ เจ้านายของผมได้ให้ผมได้ทำงานหมุนเวียนในทุก ๆ ด้านของ HRA ตั้งแต่งานทั่วไปไปจนถึงการขนส่ง จากนั้นก็เป็นสายงานสรรหาบุคคลและรัฐกิจสัมพันธ์ ซึ่งอยู่ภายใต้ HRA ในขณะนั้น ผมได้เรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับทรัพยากรบุคคลและกิจการสาธารณะ และค่อย ๆ เลื่อนตำแหน่งจากเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่อาวุโส จากนั้นหัวหน้าแผนกเป็นผู้จัดการและผู้จัดการอาวุโส และอื่น ๆ จนกระทั่งมาถึงตำแหน่งปัจจุบัน

แม้การเติบโตในหน้าที่การงานจะขึ้นอยู่กับหัวหน้าของคุณเป็นส่วนใหญ่ แต่ผมรู้สึกว่าผู้ที่ทำงานได้ดีควรมีความก้าวหน้าในอาชีพทีละขั้นพร้อมกับการเติบโตในบทบาทและความรับผิดชอบ วิธีสำคัญที่ผู้นำเพิ่มมูลค่าให้กับเดลต้าคือการช่วยให้ผู้คนเข้าถึงศักยภาพสูงสุดของพวกเขา ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าให้กับเดลต้าเป็นทวีคูณ ดังนั้น ผู้ที่มีทักษะและความสามารถในการเป็นผู้นำสามารถใช้เวลา 2-3 ปี ทำงานในแต่ละตำแหน่งและก้าวไปสู่ความท้าทายที่ใหญ่กว่าสำหรับอาชีพของตนเองและการเติบโตของบริษัท

ตัวอย่างเช่น ตอนที่ผมเข้าทำงานกับเดลต้า เรามีผู้นำที่ยอดเยี่ยมมากมาย ดังนั้น การเลื่อนขั้นจากเจ้าหน้าที่ไปเป็นผู้จัดการจึงรวดเร็วมาก และการเติบโตของบริษัทเราก็ดีเช่นเดียวกัน ตอนนี้เรายังมีผู้จัดการอาวุโสชาวไทยของเดลต้า ประเทศไทย จากช่วงเวลานั้นอยู่

เหตุใดงานรัฐกิจสัมพันธ์จึงมีความสำคัญสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ และทีมของคุณมีส่วนร่วมในความสำเร็จของเดลต้า ประเทศไทยอย่างไร?

หน่วยงานนี้มีอยู่ในหลายอุตสาหกรรมและบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง ซึ่งก็จะมีชื่อแตกต่างกันออกไป เช่นในอินเดียอาจเรียกว่า Government Liaison Department แต่จุดมุ่งหมายคือการสร้างความสัมพันธ์กับรัฐบาลเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน รัฐบาลสามารถสนับสนุนนักลงทุนและบริษัทต่าง ๆ ในการทำธุรกิจ ซึ่งจะช่วยสร้างงานและรายได้ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ

เราสามารถใช้ความสัมพันธ์กับรัฐบาลเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับบริษัท ตัวอย่างเช่น หากเรากำลังพยายามทำสัญญากับรัฐวิสาหกิจ (SOE) แทนที่จะใช้กลยุทธ์จากล่างขึ้นบนของเจ้าหน้าที่ขายและการเจรจาจัดซื้อ เราสามารถนำเสนอโครงการต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐในคณะกรรมการของ SOE ได้โดยตรง และจัดการประชุมกับผู้อำนวยการของบริษัทในลักษณะจากบนลงล่าง

บทบาทสำคัญของเราอีกประการหนึ่งคือการหาสิ่งจูงใจให้กับบริษัท ในประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เป็นองค์กรเดียวที่ให้ยกเว้นภาษีสำหรับภาษีนำเข้า ภาษีอากร และภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้นิติบุคคลเพียงอย่างเดียวคือ 20% ของกำไรของบริษัท ดังนั้น นี่จึงมีความสำคัญต่อความสามารถในการทำกำไรและความสำเร็จโดยรวมของเรา

สุดท้ายนี้ เราเป็นตัวแทนของบริษัทในการสร้างภาพลักษณ์ต่อสาธารณะด้วยการมีส่วนร่วมในกิจกรรม ESG ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ซึ่งครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่พลังงานไปจนถึงการศึกษาและ CSR

อะไรคือผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คุณเคยมีส่วนร่วมที่เดลต้า?

ผมรู้สึกภูมิใจกับผลงานของทีมงานในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่สามารถโน้มน้าวให้ BOI ปฏิรูปข้อกำหนดด้านภาษี การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สนับสนุนบริษัทต่างชาติทั้งหมดในประเทศไทยและช่วยเพิ่มการลงทุนจากต่างประเทศ นอกจากนี้ เรายังร่วมมือกับบริษัทและสมาคมอื่น ๆ เพื่อขอการสนับสนุนจากรัฐบาล

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากคือการช่วยให้เดลต้าคว้ารางวัล PM Best Industry Award ประจำปี 2555 ซึ่งเป็นรางวัลที่ดีที่สุดของ PM เราเอาชนะบริษัทขนาดใหญ่อื่น ๆ ทั้งหมดที่แข่งขันกันเพื่อชิงรางวัลสูงสุดในปีนั้น และเราได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเดลต้าเป็นบริษัทที่โดดเด่นที่สามารถแข่งขันและคว้าชัยชนะในประเทศไทยได้ คุณบรูซ เฉิง ผู้ก่อตั้งของเราได้ขอบคุณพวกเราเป็นการส่วนตัวที่ช่วยให้เดลต้าได้รับรางวัล และการยอมรับนั้นทำให้ผมรู้สึกมีความสุขและภูมิใจเป็นอย่างมาก

อะไรคือการลงทุนที่สำคัญที่สุดสำหรับเดลต้าในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และเหตุใดประเทศไทยจึงเป็นสถานที่ที่ดีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการขยายธุรกิจของเรา?

ด้วยได้เปรียบทางภูมิรัฐศาสตร์ ประเทศไทยจึงอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคงโดยเฉพาะในเอเชีย สิ่งสำคัญของเราคือการพัฒนาความพร้อมของคนไทยในการทำงานในการผลิตขั้นสูงด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย

นี่คือเหตุผลที่เดลต้าให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนาการศึกษาในประเทศไทย เมื่อ 7 ปีก่อน คุณดิก อดีตประธานของเราสนับสนุนเราให้ก่อตั้งโครงการ Delta Automation Academy และวันนี้เรามีมหาวิทยาลัยพันธมิตร 7 แห่งและวิศวกรจำนวนมากที่เดลต้าจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า (KMUT) ซึ่งเป็นพันธมิตรแห่งแรกของเรา

อะไรคือส่วนที่ท้าทายที่สุดในงานของคุณ และคุณทำอย่างไรในการสนับสนุนทีมของคุณให้บรรลุศักยภาพสูงสุดของพวกเขา?

ในทีม GPA ของเรา เรามีคนจากหลากหลายช่วงวัย และผมต้องจัดการคนแต่ละรุ่นให้ไปในทิศทางเดียวกัน ตอนที่ผมยังหนุ่ม ผมเข้ามาทำงานและต้องทำงานกับรุ่นพี่ และวันนี้บทบาทกลับตรงกันข้าม และผมต้องเป็นที่ปรึกษาให้กับคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ และนำพวกเขาเดินทางไปพร้อม ๆ กับเพื่อนร่วมงานตั้งแต่วันแรก

ผมรู้สึกว่าคนรุ่นใหม่มีความรวดเร็วและมีความรู้ความสามารถที่ดี ในขณะที่รุ่นพี่ของเราอาจต้องใช้เวลามากกว่าแต่พวกเขามีประสบการณ์สูง ในประสบการณ์ GPA เป็นสิ่งสำคัญมากและเรายังต้องการพลังของสมาชิกคนรุ่นใหม่ของเราเพื่อทำให้เราดำเนินการให้เร็วขึ้นเพื่ออนาคต

แผนกและหน่วยงานต่าง ๆ ในภาคการผลิตใช้ระบบบัดดี้เพื่อจับคู่รุ่นพี่กับรุ่นน้องเพื่อการฝึกฝนและพัฒนา อย่างไรก็ตาม ถ้าเพื่อนรุ่นพี่ของคุณดี มันก็คือสวรรค์ และถ้าไม่ใช่ มันก็อาจจะเป็นนรกสำหรับรุ่นน้องก็ได้ (หัวเราะ) นั่นเป็นเหตุผลที่ผมเลือกที่จะสร้างระบบการแบ่งปันความรู้จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้องและรุ่นพี่ในลักษณะของการสื่อสารสองทางแทนระบบเพื่อน

ที่เดลต้า เรามักจะพูดถึงความสำคัญของ ESG “ความยั่งยืน” มีความหมายอย่างไรกับคุณและทีมของคุณ?

ทีม GPA ของเราเกี่ยวข้องอย่างมากกับการสนับสนุนการปรับปรุงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือประสิทธิภาพ ESG ของบริษัทของเรา หากพูดถึงความยั่งยืน ผมคิดว่ามันหมายถึงการพัฒนาอยู่เสมอ แต่ในประเทศไทยเราดูเหมือนจะหยุดชะงักในบางเรื่อง เช่น การศึกษา

ซึ่งโครงการ Delta Energy Education (DEEP) และ Delta Automation Academy มีเป้าหมายเพื่อช่วยรัฐบาลและสถาบันการศึกษาในการยกระดับวิธีการสอน หลักสูตร และอุปกรณ์ในห้องเรียน/ห้องปฏิบัตการเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต

เรายังทำงานร่วมกับชุมชนของเราอย่างต่อเนื่องเพราะชุมชนของเราสนับสนุนเราและปกป้องเราแม้ว่าเราจะล้มเหลว ตัวอย่างเช่น เมื่อหลายปีก่อนเราประสบกับวิกฤติ แต่ด้วยการสนับสนุนจากชุมชนของเรา เราจึงสามารถผ่านพ้นวิกฤตินั้นไปได้

แม้ว่ารัฐบาลและนโยบายจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ความมุ่งมั่นของเดลต้าในการสนับสนุนการพัฒนาประเทศไทยยังคงเหมือนเดิม คุณมีวิธีการในการปรับกลยุทธ์และยุทธวิธีอย่างไรเพื่อช่วยให้เดลต้าบรรลุสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย?

เช่นเดียวกับในโครงการ Delta Automation Academy เราพยายามใช้กลยุทธ์ดึง (pull strategy) แทนกลยุทธ์ผลัก (push strategy) แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แต่เรายังคงทำงานร่วมกันได้ เพราะเมื่อฝ่ายบริหารคณะปัจจุบันคิดเกี่ยวกับนวัตกรรม เทคโนโลยี และการศึกษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับประเทศไทย พวกเขาจะต้องรวมเดลต้าไว้ในการพิจารณา ทั้งนี้เป็นเพราะเดลต้าให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ไม่เพียงแต่การสนับสนุนเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนในหลายๆ ทางที่มีความหมายซึ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกในระยะยาวให้กับสังคมอย่างแท้จริง

คุณสร้างสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิตส่วนตัวของคุณอย่างไร และเมื่อไม่ได้ทำงาน คุณชอบทำอะไร?

ผมต้องยกเครดิตให้ภรรยาของผมหากว่าเราเป็นทีมฟุตบอล เธอเป็นกองหลังในขณะที่ผมเป็นกองหน้า เธอเป็นแม่บ้านที่ดีที่ช่วยผมดูแลลูก ๆ ทำอาหาร และดูแลบ้านของเรา ผมมีลูกชายและลูกสาว 1 คน และเรามักสนุกสนานกับกีฬาและดนตรีด้วยกัน

ผมชอบวิชาศิลปะและดนตรีมาตั้งแต่สมัยประถม และผมสนุกกับการเรียนวิชาโฆษณามากที่สุดตอนที่อยู่มหาวิทยาลัย ที่บ้าน ผมเล่นกีตาร์และลูกชายก็เล่นกลอง ซึ่งเขาได้รับรางวัลอันดับ 2 ในการแข่งขันระดับชาติ และเขาเป็นอัจฉริยะทางดนตรี เขาเล่นเครื่องดนตรีทุกชิ้นได้ดี นอกจากนี้ ลูกสาวของผมก็ได้ร้องเพลงประสานเสียงในโรงเรียนอีกด้วย บางครั้งผมคิดว่าตัวเองควรจะเป็นนักดนตรีและทำวงดนตรีครอบครัวมากกว่าที่จะมาเป็นพนักงานออฟฟิศ (หัวเราะ)

สุดท้ายนี้ คุณมีอะไรที่อยากแบ่งปันกับเพื่อนร่วมงานของเดลต้าทั่วโลกหรือไม่?


เกือบ 25 ปีที่เดลต้า สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นคือเราแตกต่างจากบริษัทอื่น ๆ ในประเทศไทย คือเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ธุรกิจและกลยุทธ์ของเราต้องเปลี่ยนไปตามกาลเวลาเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน

ในฐานะมืออาชีพ เราต้องคิดถึงกลยุทธ์การเติบโตที่สนับสนุนอนาคตของเดลต้าและอาชีพของบุคคลากร ที่เดลต้า เรามีคนหลากหลายช่วงวัยและหลายสัญชาติทั้ง ชาวไทย ชาวไต้หวัน และชาติอื่น ๆ ต่างก็มีจุดเด่น จุดแข็ง และศักยภาพความเป็นผู้นำของตนเองที่เป็นประโยชน์กับเดลต้า

การเพิ่มมูลค่าเป็นสิ่งสำคัญมากในชีวิตการทำงานของคุณ ผมเชื่อว่าถ้าคุณเพิ่มคุณค่า คุณจะมีความสำคัญต่อเดลต้าเสมอ ผมพยายามที่จะจริงใจและทำในสิ่งที่ผมพูดกับเจ้านาย พนักงาน และเพื่อนของผมเสมอ ตลอดชีวิตของผมตั้งแต่ผมเป็นนักวอลเลย์บอล ผมประสบความสำเร็จด้วยการทำงานเป็นทีม

สุดท้ายนี้ ตลอดชีวิตของผม ผมเห็นความสำคัญของการทำงานเป็นทีมและความสำคัญของการสนับสนุนซึ่งกันและกันให้ประสบความสำเร็จเสมอมา ในท้ายที่สุดเราก็ชนะด้วยกัน และแพ้ไปด้วยกันอย่าง ONE Delta

David Nakayama

เกี่ยวกับผู้เขียน (ทีมบรรณาธิการ)

David Nakayama

หากคอนเทนต์คือราชา ซึ่งแน่นนอนว่าต้องมีผู้สร้างราชา และธีมโปรดในบทความของผมคือความปรารถนาของมนุษย์ที่จะเป็นอิสระ ผมจบปริญญาโทในสาขาการศึกษาภาษาจีน และมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมในหลายประเทศ ในฐานะที่เป็น Comms ของเดลต้า ประเทศไทย ผมมีความสนใจเป็นอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องราวเบื้องหลังของผลิตภัณฑ์และผู้คนของเรา สามารถแบ่งปันเรื่องราวของคุณกับผมได้ที่ https://www.linkedin.com/in/yushi-david-nakayama/

แชร์ facebook linkedin

ร่วมแสดงความเห็น

แสดงความคิดเห็น next