โดย DET Corp Comms - เผยแพร่เมื่อ สิงหาคม 08, 2568

เรื่องราวของคุณวิไลลักษณ์ ฟุ้งธนะกุล เลขานุการบริษัท เดลต้า ประเทศไทย
“มีบางวันที่เรารู้สึกว่าไปต่อไม่ไหว แต่ถ้ามองให้ลึกถึงหัวใจ เราจะเจอคำตอบเสมอ สำหรับฉัน คำตอบนั้นคือ... ลูก ๆ และองค์กร”
ในทุกองค์กร จะมีใครบางคนที่แบกรับภาระเงียบ ๆ โดยไม่ร้องขอคำชม ไม่ค่อยมีชื่ออยู่ในไฟสปอตไลต์ แต่ขับเคลื่อนทุกอย่างให้เดินหน้าได้เสมอ สำหรับเดลต้า หนึ่งในคนเหล่านั้นคือ คุณวิไลลักษณ์ ฟุ้งธนะกุล หรือ “พี่ฟุ้ง” ในสายตาเพื่อนร่วมงาน เธอคือนักสื่อสารมืออาชีพ เป็นผู้ประสานงานระดับองค์กรในบทบาท “เลขานุการบริษัท” และขณะเดียวกันก็เป็นคุณแม่ของลูก 3 คนที่เธอเลี้ยงมาด้วยใจเต็มร้อย ทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน เดินเคียงข้างกัน บางบทบาทก็สลับกันเป็นพระเอกในชีวิต เธอเป็นแม่ เป็นผู้นำ เป็นที่พึ่ง และเป็นหลักของบ้าน และทั้งหมดนั้น เธอใช้หัวใจดวงเดียวในการนำทาง

จุดเริ่มต้นของเส้นทางที่เธอไม่เคยคาดคิด
เธอเข้าร่วมงานกับเดลต้าเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2540 ในตำแหน่งเลขาส่วนตัวของผู้บริหาร ทำงานอย่างทุ่มเทต่อเนื่องเกือบ 15 ปี และไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลง “ตอนนั้นรักงานมากค่ะ ไม่คิดจะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นเลย การได้ดูแลผู้บริหาร ได้ช่วยให้งานของเขาเดินหน้าไปได้ราบรื่น มันเป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่าเราทำได้ดี และมีคุณค่า” แต่แล้วจุดเปลี่ยนก็มาถึง เมื่อองค์กรขยายตัว และผู้บริหารที่เธอเคยทำงานด้วยอย่างคุณ James Ng ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริษัท เดลต้า ประเทศไทย เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่เธอจะก้าวไปอีกขั้น สู่ตำแหน่ง เลขานุการบริษัท ซึ่งต้องประสานงานกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ จัดการประชุมรายไตรมาส รายปี และดูแลรายงานทางการที่ทั้งซับซ้อนและสำคัญยิ่ง “ตอนนั้นลังเลมากค่ะ เพราะไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำได้ แต่พอเขาบอกว่าเห็นศักยภาพในตัวเรา เราก็เริ่มกลับมาทบทวน และตัดสินใจลองดู”

เมื่อการเปลี่ยนแปลงคือการเริ่มต้นใหม่เกือบทั้งหมด
การก้าวเข้าสู่บทบาทเลขานุการบริษัท เปรียบเหมือนการเปลี่ยนสายงานโดยสิ้นเชิง แม้จะจบเอกภาษาอังกฤษมา แต่การเขียนรายงานประชุมแบบทางการในระดับบอร์ดบริหาร กลับเป็นทักษะใหม่ที่ต้องฝึกฝนจากศูนย์ “ทุกอย่างต้องแม่นยำมาก ทั้งการใช้คำ เทคนิคภาษา และเนื้อหาทางบัญชีหรือกฎหมาย ทุกการประชุมใช้เวลานานครึ่งค่อนวัน แต่ต้องเขียนสรุปออกมาให้ชัดเจน ถูกต้อง และเหมาะสมสำหรับเอกสารทางการของบริษัท” เธอเรียนรู้ไปพร้อมกับทำหน้าที่แม่ของลูก 3 คน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้มีปุ่ม pause ให้กดได้

เมื่อความเหนื่อยล้าเดินทางมาถึงขีดสุด
“มีช่วงหนึ่งที่เราบอกกับตัวเองหน้ากระจกทุกเช้าว่า ‘อยากลาออก’ มันเหนื่อยมาก รู้สึกหมดแรงจริง ๆ ทั้งที่รู้ว่าทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะเรามีครอบครัวที่ต้องดูแล” เธอเล่าว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่มืดมนที่สุดในชีวิตการทำงาน ความกดดันจากการประชุมที่ต่อเนื่อง การต้องเร่งสรุปรายงานในระยะเวลาสั้น ๆ และหน้าที่แม่ที่ไม่มีวันหยุด ทำให้เกิดภาวะ Burnout อย่างชัดเจน โชคดีที่หัวหน้าซึ่งเป็น CFO ในตอนนั้นเข้าใจสถานการณ์ และมอบโอกาสให้เธอ ลาพักแบบไม่รับเงินเดือน 1 เดือน เพื่อเยียวยาทั้งกายและใจ “ช่วงเวลานั้นมีค่ามากเลยค่ะ เราได้พาลูกไปโรงเรียน ได้ไปรับกลับ ได้ทำหน้าที่แม่อย่างเต็มที่ ซึ่งปกติไม่เคยได้ทำแบบนี้เลย เพราะงานประจำมันไม่เคยรอ” เมื่อกลับมาทำงาน เธอกลับมาพร้อม “หัวใจดวงใหม่” และทัศนคติใหม่ที่ได้จากธรรมะของหลวงพ่อปราโมทย์ “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา” ทุกข์หรือสุขก็ไม่เที่ยง
บทบาทการเป็นแม่คือครูผู้เปลี่ยนวิธีทำงานของเธอ
“เราเรียนรู้ว่าทุกคนมีภาระในชีวิตของตัวเองเสมอ ไม่มีใครรู้หรอกว่าเพื่อนร่วมงานเราแบกอะไรไว้บ้าง ดังนั้น เราเลือกที่จะเริ่มจากตัวเราเอง เลือกเข้าใจ และทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทั้งในฐานะเพื่อนร่วมงาน และในฐานะแม่” เธอบอกว่าการเป็นแม่ช่วยให้เธอมีความเห็นอกเห็นใจคนมากขึ้น ไม่ตัดสินเร็ว และฟังมากกว่าพูด
วันหนึ่งที่เธอจะไม่มีวันลืม
เช้าวันประชุมผู้ถือหุ้น ที่ตรงกับวันมอบตัวลูกสาวเข้าประถม1 เป็นวันหนึ่งที่เธอจำได้แม่น “วันนั้นสามีโทรมาว่าเราลืมปริ้นใบส่งตัวให้ลูก แล้วพูดว่า ‘มัวแต่คิดถึงแต่เรื่องงาน’ เราร้องไห้เลยค่ะ ตอนนั้นรู้สึกผิดมาก แต่ก็พยายามรวบรวมสติ ให้งานที่อยู่ ณ ปัจจุบัน ผ่านลุล่วงไปได้ดี และบอกกับตัวเองว่าถ้าเป็นเรื่องลูกต่อไปนี้จะต้องให้รอบคอบ แต่ก็ผ่านวันนั้นไปได้อย่างดี เพราะสามีที่คอยซัพพอร์ต และเพื่อนร่วมงานที่พร้อมยื่นมือมาช่วยพยุงเรายามที่เรานั้นกำลังจะล้ม ให้กลับมาตั้งหลักได้”

สิ่งที่สอนลูก จากบทเรียนของตนเอง
เธอสอนลูกเสมอว่า “ถ้ารู้สึกว่าทำไม่ได้ อย่าเพิ่งยอมแพ้ ทุกปัญหามีหนทางของมันเสมอ” และยังปลูกฝังให้ลูกมองไกลกว่าที่เห็น ไม่หยุดที่ความสำเร็จตรงหน้า ซึ่งสอดคล้องกับตอนที่เธอต้องขยับมาทำตำแหน่งเลขานุการบริษัทที่มีความท้าทายมากขึ้น แต่เธอก็เลือกที่จะไม่ยอมแพ้ และคว้าโอกาสนั้นเพื่อต่อยอดมาถึงในปัจจุบัน
“ลูกสาวเราสอบเข้าวิศวะอินเตอร์ธรรมศาสตร์ ซึ่งตอนนั้นลูกเองพึ่งจะอยู่ ม.5 ซึ่งถ้าเป็นบ้านอื่น คงพอใจแล้ว แต่เรากลับจุดประกายลูกจากประสบการณ์การทำงานของเรา และการที่เรานั้นทำงานคลุกคลีกับแวดวงวิศวะ จึงได้แนวความคิดมาว่า วิศวกรสมัยนี้ต้องมีภาษาที่สาม เช่น จีน เราเลยให้เขาลองดูมหาวิทยาลัยต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน แต่ลูกคิดล้ำเราก้าวหนึ่งคือ ลูกไปศึกษาและได้รู้ว่าที่ประเทศจีนถือเป็นแนวหน้าในแวดวงดังกล่าว สุดท้ายเขาได้เข้ามหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของจีนในด้านวิศวกรรม และกำลังจะไปเรียนเดือนกันยานี้ค่ะ”
ลูก ๆ เข้าใจในงานของแม่
“ลูกเห็นเราทำงานกลับดึก เห็นเวลาที่แม่เหนื่อย เห็นแม่ท้อ และก็เห็นแม่ลุกขึ้นได้เสมอ พวกเขาอาจจะไม่พูดมาก แต่เราเห็นได้จากสายตา ว่าเขาเข้าใจและภูมิใจ แม้บางครั้งจะมีบ่นตามประสาลูกที่อยากให้แม่พักผ่อนบ้าง แต่เสียงบ่นนั้นก็เต็มไปด้วยความห่วงใยที่อบอุ่นเสมอ เธอยังเล่าเสริมด้วยแววตาอ่อนโยนว่า “ทุกปี ไม่เคยพลาดเลยค่ะ เราจะเดินทางกลับเชียงใหม่ ไปหาคุณแม่ของเรา แม้จะมีงานมากแค่ไหน วันแม่คือวันที่เราจะหยุดทุกอย่างไว้ชั่วคราว เพื่อกลับไปกอดแม่ของเราเสมอ”
คำจากหัวใจถึงคุณแม่ทุกคนในเดลต้า
“คุณแม่ทุกคนเก่งมากค่ะ เก่งในแบบที่บางครั้งเราอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ การที่ต้องทำงานประจำ ทั้งในออฟฟิศหรือแม้กระทั่งในสายการผลิต พร้อม ๆ กับการรับบทบาทของความเป็นแม่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะคุณแม่ในไลน์ผลิต ดิฉันเห็นคุณค่าของทุกความเสียสละ ทุกชั่วโมงโอทีที่คุณเลือกทำเพื่อให้ครอบครัวอยู่ได้สบายขึ้น แม้ในวันที่เหนื่อยมาก หรือแม้จะไม่มีเวลาพัก คุณก็ยังยืนหยัดต่อหน้าหน้าที่ของแม่อย่างเต็มกำลัง วันแม่ปีนี้ ขอให้คุณแม่ทุกคนหันกลับมามองตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ และรู้ไว้นะคะว่า...คุณเก่งมากค่ะ”

ข้อความจากแม่ ถึงลูก ๆ ที่รัก
“แม่อยากบอกลูก ๆ ว่า ให้ลูกอดทน ขยัน มุ่งมั่น และหาความรู้ใส่ตัวอยู่เสมอ ไม่ใช่แค่เพื่ออาชีพ แต่เพื่อชีวิตของลูกเอง อยากให้ลูกเติบโตเป็นคนที่มีทักษะทั้งในงาน และในชีวิต มีความฉลาดทางอารมณ์ เห็นใจคนอื่น และเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี แม่เชื่อว่า...ลูกจะเป็นคนที่อยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณค่า และจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนรอบข้างได้อย่างที่ลูกเป็นอยู่เสมอ”
สุขสันต์วันแม่ แด่แม่ทุกคนในเดลต้า
จากหัวใจของแม่คนหนึ่ง...ที่ยังคงยืนหยัดอยู่เคียงข้างองค์กร ด้วยความรักและศรัทธา
Ashish Udani กันยายน 10, 2568 at 11:22:16 am
Absolutely inspiring and humbling. Thank you so much for sharing. I am a father of 2 grown sons. Like you, my wife also met with great personal and professional challenges, overcame them through tremendous personal resolve, has worked in demanding roles in the healthcare field, and raised 2 grown sons who are paving their own lives now. All the best for you in Delta and home families! And we have been to Chiang Mai and just loved it…we hope to return again someday.