นิตยสารออนไลน์รายสองเดือนสำหรับครอบครัวเดลต้าที่เพียรพยายามในการทำงาน
ประจำภูมิภาคอินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และออสเตรเลีย
นิตยสารออนไลน์รายสองเดือน
สำหรับครอบครัวเดลต้าที่เพียรพยายามในการทำงาน
ประจำภูมิภาคอินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และออสเตรเลีย

DET VOICE #29 ประกายแสงจากภายใน: เรื่องราวของผู้ส่องสว่างให้เดลต้า

โดย DET Corp Comms - เผยแพร่เมื่อ พฤศจิกายน 14, 2568

เบื้องหลังทุกหน้าจอ เครื่องจักร และพื้นที่ทำงานของเดลต้า ประเทศไทย มี “แสงเงียบ ๆ” ส่องอยู่เสมอ ไม่ใช่แสงไฟฟ้า แต่เป็น แสงของหัวใจมนุษย์ แสงนั้นเกิดจากผู้คนที่ลุกขึ้นต่อสู้ ปรับตัว แข็งแรงขึ้น และส่งต่อพลังให้กันและกันผ่านความเมตตา ความกล้าหาญ และความมุ่งมั่น

ในฉบับนี้ เราขอพาทุกคนมารู้จัก “สามแสง” ผู้เป็นพลังสำคัญของเดลต้า ได้แก่
คุณสามารถ จิ้นมณี (IT), คุณเทวินทร์ ชนะสุขกิตติสกุล (CBC), และคุณภคภาส สุนทรารักษ์ (JT6 MC) แต่ละคนมีประกายเฉพาะตัว และทั้งหมดหลอมรวมเป็นหัวใจของเดลต้าอย่างแท้จริง

คุณสามารถ จิ้นมณี – วิศวกรฟีนิกซ์
“ทุกเปลวไฟที่ผมข้ามผ่าน ทำให้ผมยิ่งแข็งแกร่งขึ้น”

สำหรับคุณสามารถ จิ้นมณี เป็นที่รู้จักกับเพื่อนๆในนาม “อาจารย์สามารถ” แสงภายในไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเอง แต่มันคือสิ่งที่เขาสร้างขึ้นอย่างตั้งใจ เรื่องราวของเขาเริ่มต้นจากการเปลี่ยนเส้นทางครั้งใหญ่จากงานกราฟิกดีไซน์สู่โลกของ IT เต็มรูปแบบ เขาก้าวเข้าสู่ระบบใหม่ ภาษาใหม่ และความท้าทายแบบใหม่

เขายอมรับว่า ช่วงแรกแทบไม่มีไฟเลยด้วยซ้ำ (หัวเราะ) แต่ด้วยวินัย ความพยายาม และหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ เขาค่อย ๆ จุดประกายขึ้นทีละนิด สิบกว่าปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยขาดงาน ไม่เคยมาสาย และไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง เพื่อนร่วมงานต่างรู้ว่าเขาคือ “ที่พึ่งยามยาก”และเป็นคนที่ไว้ใจได้เสมอ

สิ่งที่ทำให้อาจารย์สามารถ “เชื่อถือได้” ไม่ใช่แค่ความรับผิดชอบแต่คือหัวใจ เขาเล่าเหตุการณ์คืนหนึ่งที่ต้องเร่งปิดโปรเจ็กต์ใหญ่ ทุกคนช่วยกันอย่างเต็มที่จนงานเสร็จทันเวลา สำหรับเขา มันไม่ใช่แค่การทำงานทัน แต่คือการเห็น “พลังทีมเวิร์ก” ส่องสว่างที่สุดในวันที่หนักที่สุด

และยังมีอีกหนึ่งเหตุการณ์ เมื่อเขาได้รับการเลื่อนตำแหน่ง เขาต้องสื่อสารกับทีมไต้หวันและใช้ภาษาอังกฤษทุกวัน สำหรับเขามันยากมากแต่เขาไม่ถอย เขาพัฒนาทีละคำ ทีละวัน พัฒนาจนมั่นใจขึ้น และค้นพบว่า “ความกล้าไม่ใช่ประกาศตัว แต่มันคือความต่อเนื่อง ความอดทน”

“ผมอยากเป็นสัญลักษณ์ของการให้อภัย เพราะที่ทำงานเรามาจากพื้นฐานต่างกัน การหาจุดร่วมคือสิ่งที่ทำให้เราเดินหน้าไปด้วยกันได้”

นอกเวลางาน เขาเติมพลังด้วยการการเคลื่อนไหวด้วยการออกกำลังกายเพื่อเคลียร์ความคิดและทำให้สมาธินิ่งขึ้น และแม้ในการแก้ปัญหา เขาก็ยังเชื่อใน “การเคลื่อนไหว” เช่นกัน ครั้งหนึ่งเขาได้ปรับรูปแบบการทำงานของทีม จากการทำงานแบบแยกเป็นส่วน ๆ มาเป็นการทำงานร่วมกันทีละขั้นตอน ผลลัพธ์คือโปรเจกต์เสร็จเร็วขึ้นเกือบ 50% และทีมมีความสามัคคีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

สำหรับเขาอุปสรรคคือ “กำแพง” ที่กั้นระหว่างเขาและแสง เพียงแต่กำแพงสำหรับเขามีไว้ให้ “ทำลาย” ดังนั้นเขาจึงเรียกมันว่า “แสงแห่งโอกาส” เมื่อความท้าทายปรากฏขึ้น คุณไม่ต้องรอให้ใครมาเปิดทาง แต่ต้องผลักมันด้วยตัวเอง “ถ้าคุณทุ่มเทมากพอ แสงก็จะส่องถึงคุณเอง”

และเมื่อแสงนั้นส่องมาถึงเขาแล้ว เขาก็อยากส่งต่อให้ผู้อื่น หากเป็นกับเพื่อนร่วมงานรุ่นใหญ่ เขาจะมอบ “แสงแห่งการเปิดใจ” เพื่อมอบความสามารถในการยอมรับการเปลี่ยนแปลงและเชื่อมต่อกับคนรุ่นใหม่ และหากเป็นเพื่อนร่วมงานรุ่น น้อง เขาอยากส่งต่อ “แสงแห่งความกล้า” เพื่อมอบความกล้าที่จะตั้งคำถาม พัฒนาตัวเอง และสร้างสิ่งที่ดีกว่าเดิม

ถ้าจะแทนแสงภายในของเขาเป็นสัญลักษณ์ มันคงเป็น “ฟีนิกซ์” นกที่เกิดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยพลังและความอดทน ทุกความท้าทายเผาผลาญสิ่งเก่าออกไป เผยให้เห็นสิ่งที่แข็งแกร่งกว่า สว่างกว่า และใหม่อย่างสิ้นเชิง

คุณเทวินทร์ ชนะสุขกิตติสกุล – นักรบแห่งรอยยิ้ม
“รอยยิ้มคือพลังวิเศษของผม”

ในทุกเรื่องราว มักมีฮีโร่คนหนึ่งที่พลังของเขาอ่อนโยนแต่หยุดไม่อยู่ และนั่นคือ “เทวินทร์” พลังวิเศษของเขาไม่ใช่ความเร็ว ไม่ใช่พละกำลัง แต่คือ “รอยยิ้ม” รอยยิ้มที่ส่งถึงคนรอบตัวได้เร็วกว่าคำพูด ทำให้วันที่หนักเบาลง และเตือนทุกคนว่าความสุขยังมีอยู่ แม้ในสายการผลิตที่ยุ่งที่สุด

สำหรับเทวินทร์การทำงานไม่ใช่แค่เรื่องของงานที่ต้องทำหรือเป้าหมายที่ต้องบรรลุแต่มันคือ “พลังงาน” เขาเชื่อว่าเมื่อผู้คนเริ่มวันด้วยการแลกเปลี่ยนรอยยิ้ม โรงงานทั้งโรงจะทำงานอย่างลื่นไหล ปัญหาก็จะไม่หนักเกินไป เมื่อทุกคนร่วมแรงร่วมใจ

เขาจำวันที่วุ่นวายมากวันหนึ่งได้ดีไลน์ผลิตกำลังเดินหน้าผลิตเต็มทกำลัง แต่มีชิ้นงานชิ้นหนึ่งหายไป ทำให้ทุกอย่างอาจะหยุดชะงัก
แทนที่จะหงุดหงิดใจ แต่ทุกคนก็ช่วยกันหา และในที่สุดก็เจอชิ้นส่วนนั้น เขาบอกว่า “มันไม่ใช่แค่การแก้ปัญหา แต่มันคือการพิสูจน์ว่าความใจดีและการร่วมมือกันชนะความวุ่นวายได้เสมอ”

แต่เรื่องราวของเขาไม่ได้ราบรื่นเสมอไป เช่นเดียวกับนักรบทุกคน เขาต้องเผชิญพายุหรือช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดในชีวิต จนมีเพื่อนร่วมงานคนนึงที่ไว้ใจพูดบางอย่างขึ้นมาซึ่งเปลี่ยนทุกอย่างไปโดยสิ้นเชิง ด้วยคำง่ายๆว่า “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันอยู่ตรงนี้” นั่นคือจุดที่เขารู้ว่า ความแข็งแกร่งจริง ๆ บางครั้งไม่ต้องตะโกนออกมา แต่เป็นกระซิบเบาๆ

“ความอบอุ่นและความปลอดภัยนี่คือแสงที่ผมอยากให้ทุกคนที่มาหาผม” ซึ่งแสงนั้นไม่ได้ฉายที่ทำงานเท่านั้น แต่แสงนี้ยังติดตัวเขากลับบ้าน ดนตรีคือที่พักใจของเขาหลังจากวันอันยาวนาน เขาเปิดแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดีย ชวนเพื่อนฝูงและเพื่อนร่วมงานร้องเพลงด้วยกัน เสียงอาจจะเพี้ยนบ้าง แต่เสียงหัวเราะดังกว่า “มันไม่ได้เกี่ยวกับการฟังที่ดี” เขากล่าว “แต่มันเกี่ยวกับการมันคือการปลดปล่อย”

เมื่อมีสมาชิกใหม่เข้าทีม ความใจดีของเขาก็กลายเป็นรูปแบบของภาวะผู้นำ ครั้งหนึ่งเขาสังเกตว่าน้องใหม่คนหนึ่งขี้อายและแทบไม่พูด
เขาไม่บีบให้คุย แต่จัดทริปพูลวิลล่าให้ทีมทั้งกลุ่ม เสียงหัวเราะ มื้ออาหารร่วมกัน และการพูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ละลายพฤติกรรมได้อย่างสิ้นเชิง และเมื่อกลับมาทำงาน น้องคนนั้นที่เคยเงียบที่สุด กลายเป็น “เสียงดังที่สุดในกลุ่ม” นี่แหละคือเวทมนตร์ของเทวินทร์

นั่นคือเวทมนตร์แบบเดียวกับที่เทวินทร์ใช้ในการช่วยเหลือผู้อื่นให้ค้นพบแสงสว่างของตนเอง หากเขาต้องจินตนาการถึงพลังภายในของตนเอง เขาเลือกโล่เพชรเจ็ดสีที่ไม่มีวันแตกสลาย แข็งแกร่ง สว่างสดใส มีความยืดหยุ่น และงดงาม สำหรับเขาความอดทนและความคิดบวกไม่ใช่ทักษะที่อ่อนโยน แต่มันคือเกราะป้องกัน

ในโลกที่เต็มไปด้วยเครื่องจักรและความแม่นยำ เทวินทร์เตือนเราว่าพลังที่ทรงพลังที่สุดยังคงเป็นหัวใจมนุษย์ ที่เปล่งประกายแสงอย่างเงียบๆ อยู่เบื้องหลังรอยยิ้มทุกรอยยิ้ม

คุณภคภาส สุนทรารักษ์ – อัศวินแห่งกระจก
“ผมคือกระจก คุณให้มาอย่างไร ผมสะท้อนกลับไปแบบนั้น”

ถ้ารอยยิ้มของเตวิณคือแสงที่ส่องนำทาง ความชัดเจนของภคภาสก็คือสิ่งที่ทำให้เส้นทางนั้นตรงและมั่นคง เขาสงบ มั่นใจ และเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่รู้จบ เขาคือผู้นำประเภทที่ “ฟังก่อน พูดอย่างมีเหตุผล และลงมือทำอย่างเด็ดขาด” “ถ้าคุณมาด้วยเหตุผล ผมก็ตอบด้วยเหตุผล ถ้าคุณมาด้วยความเคารพ ผมก็สะท้อนความเคารพกลับไป นี่คือวิธีของผม”

อย่างไรก็ตาม ความสงบของเขาไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน ภคภาสเริ่มทำงานที่เดลต้าตั้งแต่อายุน้อย และต้องเผชิญกับความท้าทายส่วนตัวที่หนักหนา มีบางวันที่เขารู้สึกว่าชีวิตกดทับจนเกินไปจนเขาตระหนักถึงบางสิ่งที่เปลี่ยนทุกอย่างไป: ปัญหาไม่ได้มีไว้เพื่อถ่วงคุณลง แต่มีไว้เพื่อทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น “ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้ให้กังวล ทุกปัญหามีทางออก ถ้าไม่มี ผมก็สร้างมันขึ้นมาเอง”

ในงานจัดซื้อ เขาไม่รอข้อมูลจากใคร ถ้าซัพพลายเออร์บอกว่าของไม่มีเขาก็จะไปดูเอง หลักการทำงานของเขาเรียบง่ายมาก เห็นปัญหา แก้ปัญหา แล้วเดินหน้าต่อ เขาได้รับความนับถือจากหลายทีม เพราะเขาเด็ดขาดแต่ก็มีความเข้าใจ เขาเชื่อว่าภาวะผู้นำไม่ใช่การควบคุมแต่คือความตระหนักรู้และการสะท้อนความจริง

นอกเวลางาน เขารักการตีแบดมินตัน สัปดาห์ละสองครั้งเขาเล่นกับเพื่อนจากหลายฝ่าย มันไม่ใช่แค่การเล่นกีฬาเท่านั้นแต่เป็นพื้นที่แห่งสมดุล เสียงหัวเราะ และมิตรภาพ

สัญลักษณ์ของเขาแสงสว่างคือกระจกที่สะท้อนทั้งชีวิตและปรัชญา มันไม่ใช่การสะท้อนความสมบูรณ์แบบ หากแต่สะท้อนถึงความซื่อสัตย์ มันเตือนใจเขาว่าการเผชิญหน้าทุกครั้ง ไม่ว่าจะยากหรือง่าย ล้วนเผยให้เห็นบางสิ่งบางอย่างจากทั้งสองฝ่าย

หลังทำงานที่เดลต้านาน 18 ปี เขายังเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะในโลกที่เทคโนโลยีเปลี่ยนทุกวัน เขาเชื่อว่านวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการเติบโตของมนุษย์ เขาไม่ไล่ตามแสงสปอตไลท์ แสงสว่างของเขานั้นเงียบกว่า แสงสว่างที่ช่วยสร้างความมั่นคงให้กับทีม แก้ปัญหา และสร้างความไว้วางใจผ่านความสม่ำเสมอที่สงบนิ่ง

แสงสว่างของเดลต้า
เปลวไฟของสามารถ รอยยิ้มของเทวินทร์ และเงาสะท้อนของภคภาส ทั้งสามแสงที่แยกออกจากกัน หลอมรวมกันเป็นหัวใจของเดลต้า ประเทศไทย

แต่ละแสงสว่างสอนเราถึง:
ความยืดหยุ่นทำให้ไฟยังคงลุกโชน ความเมตตากรุณาหล่อเลี้ยงความสัมพันธ์ และการตระหนักรู้ในตนเองนำมาซึ่งความชัดเจน
ด้วยพลังที่แตกต่างแต่จุดมุ่งหมายเดียวกัน

แสงเหล่านี้ส่องสว่างสำหรับเดลต้าและพนักงานทุกคนที่โชคดีที่ได้ทำงานเคียงข้างพวกเขา เพราะที่เดลต้า ประเทศไทย แสงสว่างไม่ใช่สิ่งที่เรามี แต่มันคือสิ่งที่เราเป็น

DET Corp Comms

เกี่ยวกับผู้เขียน (ทีมบรรณาธิการ)

DET Corp Comms

แชร์ facebook linkedin

ร่วมแสดงความเห็น

แสดงความคิดเห็น next